และทัศนาจรล่องใต้ครั้งนี้เป็นครั้งที่ต่อจากเมื่อปี 2550 และก็เหมือนเดิมก่อนไปดูพยากรณ์อากาศแต่ละจังหวัดที่จะไปฝนคาดว่าจะตกไม่ น้อยกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ แต่เราก็ไม่ย่อท้อหวังว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกครั้ง ซึ่งเช้าวันศุกร์ที่ 10 เราไปถึงประมาณ 6.00 น. โดยมีคุณหมอรังสิตและคุณธวัชชัย (พี่ปุ่น) มารับเราแต่เช้า เพื่อถ่ายภาพวิถีชีวิตชาวประมงที่ปากน้ำ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช แต่วันนี้ฟ้าก็ยังไม่เป็นใจพระอาทิตย์ขึ้นแบบธรรมดาไม่มีสีสันอะไร จากนั้นแวะรับประทานอาหารเช้าที่ “ปากน้ำกลาย” และรีบเดินทางไปถ่ายภาพการแข่งขัน “กีฬาชนโค” ซึ่งจังหวะที่เราไปนั้นสนามแข่งขันอยู่จังหวัดตรัง เราจึงต้องเดินทางไปจังหวัดตรัง กว่าจะไปถึงก็ 11.30 น.
ซึ่งทางพี่ปุ่นติดต่อกับผู้จัดการสนามชนโคเทศบาลนครตรัง ประสานงานให้สมาชิกของเราเข้าไปถ่ายภาพ การถ่ายภาพในสนามนั้นสามารถถ่ายวัวได้หลายอย่าง เพราะเมื่อวัวเข้ามาในสนาม ก่อนชนจะมีการเช็ดล้างวัวก่อนชน โดยทางสนามจะมีกรรมการกลางที่จัดเตรียมไว้ประจำมุมที่โคไปยีนอยู่เตรียมเช็ค ล้าง ข้างละ 1 คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการใช้สารของฝ่ายตรงข้ามซึ่งอาจจะอยู่ในรูปยา น้ำมัน หรือ สมุนไพรมีพิษทาไว้ที่ตัววัวหรือที่เขา และพี่เลี้ยงจะใช้กล้วยหรือผลตาลโตนดสุก ทาทั่วหน้า จมูก และคอของวัว เพื่อกลบกลิ่นสาบของคู่ต่อสู้ โดยเชื่อว่าวัวเป็นสัตว์ที่ให้ความสำคัญต่อขั้นลำดับอาวุโสซึ่งสามารถสัมผัส ได้โดยทางกลิ่นสาบ วัวที่หนุ่มกว่าจะเกรงในศักดิ์ศรีของวัวที่แก่กว่า ถ้าให้ชนกันวัวหนุ่มจะวิ่งหนี และวัวที่จะใช้ชนนั้นจะต้องเป็นพันธุ์วัวชนโดยเฉพาะ
จากนั้นวัวชนเราก็จับจังหวะแทบจะตลอดเวลาเพราะบางคู่ก็แพ้ชนะกันไว มาก บางคู่ก็นานมากจึงจะรู้แพ้ชนะกัน บางครั้งก็สามารถถ่ายระเบิดซูมเล่นก็ได้ เวลาอยู่ในสนามจะได้ยินเสียงกลอง เมื่อตีกลอง 2 ครั้งให้พาวัวเข้าชน โดยมีคนพาเข้าชนและห้ามตีวัวฝ่ายตรงข้าม แต่วัวฝ่ายตัวเองให้ตีได้ และวัวที่ล้ม ถ้าไม่ลุกภายใน 5 นาทีถือว่าแพ้ ถ้าลุกก่อนให้ชนต่อไปได้ ถ้าลุกแล้วหนี กรรมการจะให้เวลา 5 นาที ถ้าไม่ชนถือว่าแพ้เด็ดขาด จริงๆ แล้วกติกายังมีอีกมากนะครับ แต่เมื่อวัวแพ้ชนะ เรายังสามารถถ่ายภาพตัวที่ชนะได้เพราะตัวที่ชนะจะมีการตบแต่งเครื่องประดับ และเสื้อคลุมวัวชน (บางครั้งบางสนามแล้วแต่เจ้าของวัว) กว่าจะออกจากสนามชนวัว 13.45 น. ซึ่งคงจะเป็นประวัติศาสตร์แล้วสำหรับ “สนามชนโคเทศบาลนครตรัง” เพราะทางเทศบาลนครตรัง จะขอพื้นที่บริเวณนี้คืน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นต่อไปแล้ว
แวะรับประทานอาหารเที่ยงที่ “ร้านทางเลือก” จากเดินทางกลับจังหวัดพัทลุง เพื่อเดินชมและถ่ายภาพ “อเมซอนเมืองไทย” ป่าเสม็ดขาว ณ สวนพฤกษศาสตร์พัทลุง ในเวลา 16.30 น. แต่ก็ไม่สามารถเดินชมดั่งใจได้เพราะก่อนหน้าที่เรามาฝนตกไม่ใช่น้อยน้ำท่วม จึงเดินชมไม่สะดวก และทางเราเตรียมแบบเป็นเรือคยัท 3 ลำ นอกนจากนี้ยังมีเรือชาวบ้านซึ่งเป็นเรือไม้ กำลังจะออกหาปลาตามปกติจึงกลายเป็นพระเอกแทน กว่าจะยอมเลิกถ่ายภาพก็ต่อเมื่อแสงเริ่มหมดลง จากนั้นเราเดินทางกลับเข้าที่พักและรับประทานอาหารเย็น ณ.ห้องอาหาร “ล้านบัว” และคืนนี้พักผ่อนที่ “ล้านบัวรีสอร์ท” “สอยดาว” “ทวีสุข” อ.ควนขนุน จ.พัทลุง
วันเสาร์ที่ 11 ธ.ค. 05.00 น. เดินทางถ่ายภาพชาวเรือที่บ้านปากประ สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตแห่งใหม่ (นับว่าเป็นสถานที่สร้างชื่อให้กับสมาคมมาก เมื่อครั้งที่มาเมื่อปี 2550 ฉากนี้ได้รางวัลทั้งในและต่างประเทศ) ครั้งนี้ท้องฟ้าเป็นใจมาก เราจึงพาสมาชิกลงเรือไปถ่ายยอ ยักษ์ใกล้ๆ แต่ก็มาสมาชิกอยู่ด้านบน ฉากนี้ที่น่าเสียดายก็คือเหมือนยอที่มีอยู่จะลดน้อยลงไปมาก จากนั้นกลับมารับประทานอาหารเช้าที่ “ล้านบัวรีสอร์ท” และถ่ายภาพ “โนรา” จากโรงเรียนสตรีพัทลุง โดยจัดแสดงเพื่อถ่ายภาพที่หน้าทะเลน้อย กว่าจะได้ร่ำลาพัทลุงเวลาผ่านไป 9.45 น. จึงเดินทางไปนครศรีธรรมราช
12.00 น. รับประทานอาหารที่ร้าน “บ้านไร่นาวง” จากนั้นไปมัสยิดเพื่อถ่ายภาพหนูน้อยมุสลิมบริเวณ “มัสยิดการราหมาด (บ้านหัวทะเล)” สำหรับที่นี่เนื่องจากสถานที่ไม่กว้างนักและมุมที่ถ่ายเป็นมุมที่ต้องใช้ เลนส์มุมกว้าง สมาชิกเราน่ารักมากเข้าแถวคอยถ่ายภาพโดยไม่ต้องบอกหรือจัดระเบียบเลย (จริงๆ แล้วก็อยากให้สมาชิกเราเป็นเช่นนี้ทุกฉาก ทุกสถานที่ เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกันเราก็ได้ภาพด้วยกันทั้งหมด) จากนั้น 15.00 เดินทางไปปากน้ำพนัง เพื่อลงเรือ ส.ภักดีทราเวลชิพ “ล่องเรือลุ่มแม่น้ำปากพนัง เที่ยวแหลมตะลุมพุก ดูคอนโดนกแอ่นกินรัง ชมโรงสีโบราณ เขื่อนอุทกวิภาชประสิทธิ ลุ่มแม่น้ำปากพนัง” และรับประทานอาหารเย็น เป็นการเดินทางที่ต้องบอกว่าครั้งนี้สมาคมเหมือนมาพักผ่อนให้สมาชิกนั่งเรือ ชมวิว กินอาหารเย็นพร้อมฟังเสียงเพลงจากอาจารย์ประสพและสมาชิกที่ช่วยกันร้องเพลง ประมาณสามชั่วโมงเศษ จากนั้นจึงเข้าพักผ่อน ณ โรงแรมนครการ์เด้น
สุดท้ายขอขอบคุณ คุณหมอรังสิต ,นายสนามชนโคเทศบาลนครตรัง “โนรา” จากโรงเรียนสตรีพัทลุง, มัสยิดการราหมาด (บ้านหัวทะเล) ผู้ที่มาเป็นแบบทุกๆ ท่าน โดยเฉพาะคุณธวัชชัย (พี่ปุ่น) ที่ดูแลและจัดหาแบบให้เพื่อสมาชิกเราตลอดการเดินทาง และเหมือนเดิมขอขอบคุณสมาชิกที่ร่วมเดินทางมาด้วยกัน ขอบคุณครับ แล้วพบกันใหม่
No comments:
Post a Comment